วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560

การวิเคราะห์และออกแบบการใช้สื่อตามหลักของ ASSURE Model

รูปแบบการสอนโดยใช้รูปแบบจำลอง ASSURE เป็นวิธีระบบรูปแบบหนึ่งที่นำมาจากแนวคิดของไชน์พิชและคณะ (1993) โดยมีระบบการดำเนินงานตามลำดับขั้นดังนี้

A = ANALYZE LEARNER'S CHARACTERISTICS การวิเคราะห์พฤติกรรมเบื้องต้นและความต้องการของผู้เรียน  

ารวิเคราะห์พฤติกรรมเบื้องต้นและความต้องการของผู้เรียน ที่สำคัญได้แก่ 

         1. ข้อมูลทั่วไป เช่น อายุ เพศ ระดับการศึกษา เจตคติ ระบบสังคม วัฒนธรรม
       2. ข้อมูลเฉพาะ เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเรียนการสอน เช่น ประสบการณ์เดิม ทักษะ เจตคติ ความรู้พื้นฐาน และความสามารถในการเรียน การวิเคราะห์จะช่วยให้ผู้สอนสามารถตัดสินใจเลือกสื่อและจุดมุ่งหมายการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม

S = STATE LEARNING OBJECTIVES AND CONTENT การกำหนดจุดมุ่งหมาย

จุดมุ่งหมายการเรียนที่ดี ควรเป็นข้อความที่แสดงถึงลักษณะ สำคัญ 3 ประการคือ

1. วิธีการปฏิบัติ PERFORMANCE (ทำอะไร) การเขียนจุดมุ่งหมายควรใช้คำกริยาหรือ  ข้อความที่สังเกตพฤติกรรมได้ เช่น ให้คำจำกัดความ อธิบาย บอก หรือจำแนก เป็นต้น 
          2. เงื่อนไข CONDITIONS (ทำอย่างไร) การเขียนจุดมุ่งหมายการเรียน ควรกำหนดเงื่อนไขที่จำเป็น ภายใต้การปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ เช่น บวกเลขในใจโดยไม่ใช้กระดาษ หรือ ผสมแป้งโดยใช้ช้อน

          3. เกณฑ์ CRITERIA (ทำได้ดีเพียงไร) มาตรฐานการปฏิบัติ ซึ่งควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง เช่น ระดับของความสามารถในการปฏิบัติ ระดับของความรู้ที่จำเป็น เพื่อการศึกษาต่อในหน่วยการเรียนที่สูงขึ้นไป

S = SELECT, MODIFY OR DESIGN MOTHODS AND MATERIALS การกำหนดสื่อการเรียนการสอน


การกำหนดสื่อการเรียนการสอน อาจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 ประการดังนี้ คือ
1. การเลือกใช้สื่อการเรียนการสอน
2. ดัดแปลงจากสื่อวัสดุที่มีอยู่แล้ว 
3. การออกแบบสื่อใหม่

U = UTILIZE METHODS AND MATERIALS กิจกรรมการใช้สื่อการเรียนการสอน

กิจกรรมการใช้สื่อการเรียนการสอน พิจารณาได้ 3 ลักษณะคือ 
1. การใช้สื่อประกอบการสอนของผู้สอน เช่น ประกอบคำบรรยาย และอธิบาย
2. การใช้สื่อเป็นกิจกรรมการเรียนการสอนของผู้เรียน เช่น ชุดการสอน บทเรียนด้วยตนเอง
3. การใช้สื่อร่วมกันระหว่างผู้เรียนและผู้สอน เช่น เกม สถานการณ์จำลอง และการสาธิต การมีส่วนร่วมของผู้เรียน การใช้สื่อการเรียนการสอนควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนให้มากที่สุด

R = REQUIRE LEARNER'S RESPONSE การกำหนดพฤติกรรมตอบสนองของผู้เรียน


การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพที่สุดนั้นผู้เรียนจะต้องมีปฏิกิริยาตอบสนอง และมีการเสริมแรง การที่ผู้สอนให้ข้อมูลย้อนกลับทันทีต่อการตอบสนองของผู้เรียนจะทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการเรียน

E = EVALUATION การประเมินผล


การประเมินผลควรพิจารณาทั้ง 3 ด้านคือ
1. การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2. การประเมินสื่อและวิธีใช้
3. การประเมินกระบวนการเรียนการสอน

ตัวอย่างการออกแบบการใช้สื่อตามหลักของ ASSURE Model บูรณาการในวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องผลกระทบจากการใช้ดินและแนวทางการแก้ปัญหา


1.วิเคราะห์ผู้เรียน (Analyze Learners)


- ข้อมูลทั่วไปของนักเรียน  : นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 5 ของโรงเรียนสอนวิทย์ มีนักเรียนทั้งหมด 30 คน เป็นนักเรียนหญิง 20 คน และนักเรียนชาย 10 คน

- ข้อมูลเฉพาะของนักเรียน
     1) ประสบการณ์เดิม : นักเรียนได้เรียนรู้ในเรื่องขิงทรัพนากรธรณี และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป
     2) เจตคติ : นักเรียนส่วนใหญ่เห็นถึงผลกระทบของการทำลายป่าไม้และการทำลายผืนดิน จากการตอบคำถาม และ การแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน
     3) ความรู้พื้นฐาน : นักเรียนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเดี่ยวกับดินและการอนุรักษ์ ผ่านการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน

2.การกำหนดจุดประสงค์ (State Objectives)

1) นักเรียนมีความเข้าใจในเรื่องของการอนุรักษ์ป่าและดินมากขึ้น
2) นักเรียนได้ทำการทดลองเกี่ยวกับการอุ้มน้ำของดิน
3) นักเรียนสามามารถเปรียบเทียบและลงข้อสรุปของการทดลองได้
4) นักเรียนสามารถบูรณาการความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และความรู้ในชีวิตประจำวันได้


3.การกำหนดสื่อการเรียนการสอน (Select Methods and Materials)

   การเลือกสื่อการเรียนการสอน : หนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ม.2 


 วิดีโอเกี่ยวกับการพังทะลายของหน้าดิน น้ำท่วม และปัญหาน้ำท่วม การ์ตูนชุด รู้แล้วรอด ตอนภัยจากดินโคลนถล่ม ของ มหาวิทยาลัยรังสิต 


และวิดีโอชุดเทิดพระเกียรติ ตอน รากของหญ้าแฝก



   การดัดแปลงจากสื่อที่มีอยู่แล้ว : ตามในวิดีโอ การทดลองเรื่อง Erosion and soil ของ funsciencedemos



ชนิดของสื่อ
ความสนใจของผู้เรียน
วัตถุประสงค์ในการใช้สื่อ
เทคนิคการใช้
ข้อจำกัดในการใช้
ผลการพิจารณา
หนังสือเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ ม.2
น้อย
เพื่อให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าทบทวนบทเรียนได้ด้วยตนเอง
ใช้เป็นเอกสารอ้างอิง
และขยายความเพิ่มเติม
จากสื่อประเภทอื่นๆ
-
คำบรรยาย เนื้อหาเพิ่มเติม ใน Power point
ปานกลาง
เพื่อดึงดูดความสนใจจากตัวนักเรียน
เป็นการบรรยายเพิ่มเติมนอกเหนือจากในหนังสือ
-
การเรียนผ่านปฏิบัติการในห้องทดลอง
มาก
เป็นการกระตุ้นความสนใจ และทำให้นักเรียนเข้าใจในวิชาที่เรียนมากขึ้น
อุปกรณ์ในการทดลอง ใกล้ตัว และสามารถทดลองเองที่บ้านได้
ข้อจำกัดในเรื่องของสถานที่ และเวลาในการเรียน
สื่อวิดีโอ
มาก
เพื่อเป็นการดึงดูดใจในการเรียน การสอน
ใช้ภาพและภาษาที่เข้าใจง่าย และสามารถรับชมได้ย้อนหลัง

-


4.กิจกรรมการใช้สื่อการเรียนการสอน (Utilize Media and Methods)

แบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ
4.1 การใช้สื่อประกอบการสอนของผู้สอน : สื่อที่ใช้เป็น สไลด์เนื้อหาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียน โดยการจัดทำสื่อชนิดนี้ต้องทำการรวบรวมเนื้อหาและเตรียมอุปกรณ์จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โปรเจคเตอร์ เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง ทรัพยากรธรณี (ดิน) และวิดีโอเกี่ยวกับดินถล่ม ซึ่งจะต้องมีการวิเคราะห์หาประเด็นสำคัญของเรื่อง และเนื้อหาที่เพิ่มเติมจากบทเรียน ในเรื่องของ โครงการในพระราชดำริ หญ้าแฝก ในรูปแบบของวิดีโอ เพื่อทำให้ดึงดูดความสนใจในการเรียน และเรียนรู้ในสิ่งรอบตัวที่เป็นประโยชน์กับนักเรียนเอง เป็นการใช้สื่อที่เน้นตัวครูผู้สอน ดังนั้นครูจะต้องมีลีลาและวิธีการสอนที่ดึงดูดความสนใจของผู้เรียน 
4.2 การใช้สื่อเป็นกิจกรรมการเรียนการสอนของผู้เรียน : หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.2 เป็นสื่อที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้เพิ่มเติม และศึกษาค้นคว้าเพื่อเพิ่มพูนความรู้ของตนเอง
4.3 การใช้สื่อร่วมกันระหว่างผู้เรียนและผู้สอน : การทดลองเรื่องของการพังทะลายของดินและการอุ้มน้ำของดิน เป็นกิจกรรมที่อาศัยการมีส่วนร่วมระหว่างผู้เรียนและผู้สอน โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมและการลงมือปฏิบัติจะเป็นการเพิ่มความเข้าใจในการเรียน และในการทำการทดลอง จะต้องมีการตั้งสมมติฐาน การสรุปผลการทดลอง และการอภิปรายผลการทดลอง ซึ่งจะทำให้นักเรียนได้คิดวิเคราะห์จากกิจกรรมที่ได้ทำ และได้รับองค์ความรู้ใหม่ผ่านการปฏิบัติจริง

5.การกำหนดพฤติกรรมตอบสนองของผู้เรียน(Require 

Learner Participation)



ผู้สอนเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความรู้ ความสามารถที่ได้เรียนรู้ไปผ่านทาง การพูดหรือการปฏิบัติให้เห็น โดยการใช้คำถาม การทดสอบผ่านใบงาน และการลงมือปฏิบะติ ลักษณะของการสอนในรูปแบบนี้จะเป็นตัวดึงดูดให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียน และกระตุ้นการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนของนักเรียนให้มากที่สุด และมีการทดสอบเพื่อให้นักเรียนทราบว่าตนมีความเข้าใจและเกิดการเรียนรู้มากน้อยเพียงใด และยังเป็นผลทำให้ครูสามารถนำไปพัฒนาการสอนและกิจกรรมที่ใช้ให้มีความสอดคล้องและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

6.การประเมินผล(Evaluation)

การประเมินผลควรพิจารณาทั้ง 3 ด้านคือ
6.1 การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 
      -  ประเมินการมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนและความสนใจในเนื้อหาของผู้เรียน โดยการสอบถามปากเปล่า ถามตอบแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เรียน
      -  ประเมินการเตรียมพร้อมของการทำปฏิบัติการและลำดับของเนื้อหาที่ใช้สอน ผ่านการทำแบบประเมินหลังการทำปฏิบัติการของนักเรียนแต่ละกลุ่ม
      -  การประเมินความเข้าใจและความสามารถใช้เรื่องที่สอนได้มากน้อยเพียงใด ผ่านการทำแบบทดสอบหลังเลิกเรียน และการทำปฏิบัติการ

6.2 การประเมินสื่อและวิธีใช้ : ประเมินว่าสื่อมีความเหมาะสมกับจำนวนผู้เรียนและเนื้อหามากน้อยเพียงใด และสื่อนั้นช่วยทำให้นักเรียนเข้าใจบทเรียนและตรงประเด็นกับเรื่องที่สอนหรือไม่ ผ่านการสอบถาม การทดสอบ และการทำแบบประเมินจากผู้เรียน


6.3 การประเมินกระบวนการเรียนการสอน

      -  การทำแบบทดสอบผู้เรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้สื่อชนิดต่าง ๆ เพื่อทำให้ทราบถึงความสารถในการสอนของผู้สอนและวัดความสามารถพื้นฐานของตนเอง เพื่อพัฒนาแผนการสอนและกิจกรรมของตนเองให้ดียิ่งขึ้น
     -  สังเกตจากการสื่อสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียน ด้วยการถามตอบ ระหว่างการเรียนการสอน
     -  สังเกตจากการทำปฏิบัติการ เพื่อทดสอบความสามารถในการทำการทดลอง การใช้อุปกรณ์ และการประยุกต์ใช้ความรู้จากเรื่องที่เรียนและชีวิตประจำวัน









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น